ภายหลัง ของ มีฮาอิล ตูฮาเชฟสกี

ตูฮาเชฟสกีบนชุดแสตมป์จอมพลของสหภาพโซเวียต ค.ศ. 1963

สมาชิกครอบครัวของตูฮาเชฟสกีเดือดร้อนหลังจากการประหารชีวิตเขา ภรรยาเขา (นีนา ตูฮาเชฟสกี) และพี่เขา อะเลคซันดร์และนีโคไล (ทั้งคู่เป็นอาจารย์ในวิทยาลัยการทหารโซเวียต) ถูกยิงหมด พี่สาวน้องสาวสามคนถูกส่งไปกูลัก ลูกสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเขาถูกจับกุมเมื่อถึงวัยผู้ใหญ่และอยู่ในกูลักจนคริสต์ทศวรรษ 1950 เธออาศัยอยู่ในกรุงมอสโกหลังได้รับการปล่อยตัวและเสียชีวิตใน ค.ศ. 1982[34]

ก่อนสุนทรพจน์ลับของนิกิตา ครุสชอฟใน ค.ศ. 1956 ตูฮาเชฟสกีถูกมองว่าเป็นฟาสซิสต์และแนวที่ห้าอย่างเป็นทางการ นักการทูตโซเวียตและผู้แก้ต่างในโลกตะวันตกเผยแพร่ความเห็นนี้อย่างกระตือรือร้น แล้วในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1957 ตูฮาเชฟสกีและจำเลยร่วมได้รับประกาศว่าบริสุทธิ์ทุกข้อกล่าวหาและได้รับการ "กู้ชื่อเสียง"

แม้แทบทุกคนถือว่าการฟ้องคดีตูฮาเชฟสกีเป็นเรื่องลวง แต่แรงจูงใจของสตาลินยังมีการถกเถียงอยู่ ในหนังสือ เดอะเกรตแทร์เรอร์ (The Great Terror) ซึ่งตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1968 ของนักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ รอเบิร์ต คอนเควสต์ (Robert Conquest) เขากล่าวหาไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์และไรน์ฮาร์ด ฮายดริช ผู้นำพรรคนาซี ว่าปลอมเอกสาร คองเควสกล่าวว่าเอกสารเหล่านี้รั่วไหลสู่ประธานาธิบดี Edvard Beneš แห่งเชโกสโลวาเกียซึ่งส่งให้โซเวียตรัสเซียผ่านทางช่องทางการทูต ทฤษฎีการสมรู้ร่วมคิดของเอสเอสเพื่อกล่าวหาตูฮาเชฟสกีของคองเควสยึดตามบันทึกความทรงจำของวัลเทอร์ เชลเลนเบิร์กและ Beneš[35]

ใน ค.ศ. 1989 โปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตประกาศว่า พบหลักฐานใหม่ในจดหมายเหตุของสตาลินบ่งชี้ว่าเจตนารมณ์ของข่าวกรองเยอรมนีในการแต่งสารสนเทศเท็จเกี่ยวกับตูฮาเชฟสกีมีเป้าหมายกำจัดเขา[36]

ตามความเห็นของ ลูค อีกอร์ ซึ่งทำการศึกษาเรื่องนี้ เป็นสตาลิน คากาโนวิชและเยจอฟที่กุ "กบฏ" ของตูฮาเชฟสกีเอง เยจอฟสั่งให้สายลับสองหน้า นีโคไล สโคบลิน นำแผนคบคิดรั่วไปซีเชอร์ไฮซดีนสท์ (SD) เพื่อกุสารสนเทศที่เสนอแผนคบคิดของตูฮาเชฟสกีและแม่ทัพโซเวียตคนอื่นต่อสตาลิน[35]

เมื่อสบโอกาส ฮายดริชดำเนินการเกี่ยวกับสารสนเทศดังกล่าวทันทีและลงมือปรับปรุงสารสนเทศนั้น การปลอมแปลงของฮายดริช ซึ่งต่อมามีการปล่อยปล่อยให้โซเวียตผ่าน Beneš และประเทศเป็นกลางอื่น ทำให้ซีเชอร์ไฮซดีนสท์เชื่อว่าฝ่ายตนหลอกสตาลินให้ประหารชีวิตแม่ทัพยอดเยี่ยมของเขาได้สำเร็จ แต่ความเป็นจริงเพียงถูกใช้เป็นเบี้ยของ NKVD โซเวียตอย่างไม่รู้ตัว แต่การปลอมแปลงของฮายดริชไม่ถูกใช้ในการพิจารณาคดี เพราะผู้สอบสวนของโซเวียตใช้ "คำสารภาพ" ลงลายมือชื่อที่ทุบตีเอาจากจำเลยแทน[35]

ใน ค.ศ. 1956 ผู้แปรพักตร์จาก NKVD อะเลคซันดร์ มีฮาอิโลวิช ออร์ลอฟจัดพิพม์บทความในนิตยสาร ไลฟ์ "ความลับน่าสนใจเบื้องหลังการสาปแช่งสตาลิน" เรื่องนี้เล่าว่าเจ้าหน้าที่ NKVD พบเอกสารในหอจดหมายเหตุโอฮรานา (Okhrana) สมัยซาร์ซึ่งพิสูจน์ว่าสตาลินเคยเป็นสายลับ จากความรู้นี้ เจ้าหน้าที่ NKVD วางแผนรัฐประหารกับตูฮาเชฟสกีและนายทหารอาวุโสอื่นในกองทัพแดง ตามข้อมูลของออร์ลอฟ สตาลินค้นพบการสมรู้ร่วมคิดแล้วใช้เยจอฟประหารชีวิตผู้รับผิดชอบ

มอนเตฟิโออร์ ซึ่งวิจัยอย่างกว้างขวางในหอจดหมายเหตุโซเวียต กล่าวว่า

สตาลินไม่จำเป็นต้องใช้สารสนเทศเท็จของนาซีหรือเอกสารลับโอฮรานา เพื่อชักจูงให้เขาทำลายตูฮาเชฟสกี ถึงอย่างไรเขาก็เล่นกับความคิดนี้มาตั้งแต่ ค.ศ. 1930 สามปีก่อนที่ฮิตเลอร์เถลิงอำนาจ นอกจากนี้สตาลินและพรรคพวกของเขายังเชื่อมั่นว่าจะต้องไม่ไว้ใจนายทหารและต้องกำจัดโดยทิ้งความสงสัยน้อยที่สุด เขาระลึกถึงโวโรชิลอฟในบันทึกไม่ลงวันที่ เกี่ยวกับนายทหารที่ถูกจับกุมในฤดูร้อน ค.ศ. 1918 "นายทหารพวกนี้" เขาว่า "เราอยากยิงทิ้งให้หมด" ไม่มีอะไรเปลี่ยน[37]

มอนเตฟิโออร์ยังกล่าวอีกว่า เพื่อนสนิทที่สตาลินไวใจ ลาซาร์ คากาโนวิช พูดติดตลกว่า "ตูฮาเชฟสกีซ่อนคทาของนโปเลียนไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลัง"[18]

แหล่งที่มา

WikiPedia: มีฮาอิล ตูฮาเชฟสกี http://victory.mil.ru/lib/books/memo/vasilevsky/08... https://www.marxists.org/history/ussr/government/r... http://www.pwhce.org/rus/tukhachevsky.html http://www.museumstuff.com/learn/topics/Mikhail_Tu... https://web.archive.org/web/20111020135302/http://... http://www.badnameofrussia.ru/whois/Tuhachevskii-M... http://lists.memo.ru/index19.htm https://www.ausa.org/sites/default/files/LWP-14-Ma... https://books.google.co.th/books?id=_dGNFyjkStQC&p... https://doi.org/10.1080%2F13518040802497564